เครื่องปรับอากาศ (Air conditioner)
เครื่องปรับอากาศ หรือ แอร์ (Air conditioner, aircon) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ปรับอุณหภูมิของอากาศในเคหะสถาน เพื่อให้มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป หรือใช้รักษาภาวะอากาศให้คงที่เพื่อจุดประสงค์อื่น เคหสถานในเขตศูนย์สูตรหรือเขตร้อนชื้นมักมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลง ตรงข้ามกับในเขตอบอุ่นหรือขั้วโลกใช้เพื่อเพิ่มอุณภูมิให้สูงขึ้น (อาจเรียกว่า เครื่องทำความร้อน) เครื่องปรับอากาศมีทั้งเเบบตั้งพื้น ติดผนัง เเละเเขวนเพดาน ทำงานด้วยหลักการถ่ายเทความร้อน คือ เมื่อความร้อนถ่ายเทออกไปข้างนอกอากาศภายในห้องจะมีอุณหภูมิลดลง เป็นต้น เเละเครื่องปรับอากาศอาจมีความสามารถในการลดความชื้นหรือการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ด้วย
ขนาดเครื่องปรับอากาศ มีหน่วยเป็น บีทียู ต่อ ชั่วโมง (BTU/hr) (บีทียู เป็นหน่วยของความร้อน) เป็นค่าความสามารถในการลดพลังงานความร้อนของเครื่องปรับอากาศ โดยการลดพลังงานความร้อน 1 บีทียู จะทำให้น้ำบริสุทธิ์ที่หนัก 1 ปอนด์ (ประมาณ 453.6 มิลลิลิตรเย็นลด 1 องศาฟาเรนไฮต์) (5/9 องศาเซลเซียส)
ประเภทของเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเรือน
ถ้าเเบ่งตามลักษณะตำแหน่งของแฟนคอยล์ ยูนิท (ตัวพัดลมที่เป่าความร้อนออกไปภายนอก) จะแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1.เเบบชั้นเดียว - หรือพวกเราคุ้นเคยในในชื่อ เเอร์ฝัง แบบติดหน้าต่าง/ผนัง (window type) ตัวเเฟนคอยล์ ยุนิตจะอยู่เป็นชิ้นเดียวกับตัวคอนเดนซิ่ง ยุนิต (ส่วนที่เป็นลมเย็นให้กับภายในห้อง)
ข้อดี
- ประหยัดพื้นที่เนื่องจากไม่ต้องใช้พื้นที่ติดตั้งคอนเดนซิ่งยูนิต
- ไม่ต้องเดินท่อน้ำยา ทำให้สามารถติดตั้งง่ายและสะดวก
- ประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง เนื่องจากไม่มีการเดินท่อน้ำยา ทำให้ไม่มีความร้อนแทรกซึมตามท่อน้ำยา
- สามารถทำความเย็นได้ดีมาก
- เครื่องเดินเงียบทนทานประหยัดไฟ
- ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินท่อน้ำยา
- ไม่มีปัญหาในการหาที่วางคอยล์ร้อนเหมือนแอร์แบบอื่นๆ
ข้อเสีย
- จะมีปัญหาในการติดตั้ง ถ้าเครื่องมีขนาดใหญ่เกินไป เพราะบริเวณช่องหน้าต่างไม่สามารถรับน้ำหนักได้มาก ต้องทำโครงสร้างมาช่วยค้ำจุนเพิ่ม
- ความสามารถในการส่งอากาศเย็นเป็นไปในช่วงแคบกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่น
นอกจากนี้ภายในตัวเครื่องยังประกอบด้วยวงจรการทำความเย็นการหมุนเวียนอากาศสมบรูณ์ในตัว ซึ่งวงจรการหมุนเวียนของอากาศจะถูกเเบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ วงจรการหมุนเวียนของอากาศภายนอกห้องเเละวงจรหมุนเวียนของอากาศภายในห้อง โดยมีมอเตอร์ชนิด เเกนเพลาเป็นตัวขับเคลื่อนใบพัดให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศ
2.เเบบแยกชิ้น (split type) - เป็นเเบบที่เราเห็นกันทั่วไปเเละนิยมมากที่สุด โดยตัวเเฟนคอยล์ ยูนิตนั้นจะเเยกไปติดตั้งภายนอกอาคาร ทำให้มี
ข้อดี คือ เงียบ เเละมีรูปแบบให้เลือกค่อนข้างมาก
ค่า EER
ค่า EER ย่อมาจาก Energy Efficiency Rating เป็นค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ โดยจะหาได้จาก ขนาดของเครื่องปรับอากาศ (บีทียู ต่อชั่วโมง) หารด้วย กำลังไฟฟ้าที่เครื่องปรับอากาศใช้ (วัตต์) เช่น เครื่องปรับอากาศขนาด 11,700 บีทียูต่อชั่วโมง ใช้ไฟฟ้า 1,000 วัตต์ จะมีค่า EER = 11,700 หาร 1,000 = 11.7 เป็นต้น
หากเครื่องปรับอากาศมีค่า EER สูง จะมีความสามารถสูงขึ้น สามารถทำงานดูดความร้อนได้ในอัตรา (BTU/hr) ที่สูงขึ้น โดยใช้พลังงาน (วัตต์เท่าเดิม หรือดูดความร้อนในอัตราเท่าเดิมโดยใช้พลังงานน้อยลง นั่นหมายถึง ยิ่งมีค่า EER สูง ยิ่งมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง)
ค่า EER นี้ถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินฉลากพลังงานด้วย โดยที่เครื่องปรับอากาศที่จะได้แลาดประหยัดไฟเบอร์ 5 ในประเทศไทย จะต้องมีค่า EER = 11.6 ขึ้นไป สำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 27,296 บีทียู/ชั่วโมง และ 11.0 ขึ้นไป สำหรับเครื่องปรับอากาศขนาด มากกว่า 27,296 บีทียู/ชั่วโมง
ปัจจุบันได้เพิ่ม SEER สำหรับเครื่องปรับอากาศเเบบอินเวอร์เตอร์
อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER สูงๆ ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วย (ดูตารางประกอบด้านล่าง)
การดูจากหน่วยของค่า EER นี้เข้าใจได้โดยง่ายว่าค่า EER นั้นก็คืออัตราส่วนของความเย็นที่เครื่องปรับอากาศสามารถทำได้จริง กับค่าพลังงานไฟฟ้าที่เครื่องปรับอากาศนั้นต้องใช้บริโภคในการทำความเย็น เครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER ยิ่งสูงก็แสดงว่า
เครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นยิ่งมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดี นั่นก็คือเป็นเครื่องปรับอากาศที่ช่วยคุณประหยัดพลังงานไฟฟ้าหรือค่าไฟได้มากนั่นเอง
ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ใช้แล้ว หรือต้องการใช้เครื่องปรับอากาศยังมีข้อสงสัยเรื่องการประหยัดไฟของเครื่องปรับอากาศเบอร์ 4 หรือ เบอร์ 5 ว่ามีความหมายว่าอย่างไร และจะประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้าได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งค่าการประหยัดไฟแต่ละเบอร์นั้นได้กำหนดตามระดับ EER ดังตารางด้านล่างนี้
ตัวอย่าง
การคํานวณค่าไฟฟ้า
ชั่วโมงการใช้งานเครื่องปรับอากาศ 8 ชั่วโมง/วัน
อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยหน่วยละ 3.96 บาท/หน่วย
~ โดยทั่วไปเครื่องปรับอากาศมักจะบอกขนาดเป็นบีทียูต่อชั่วโมง (Btu/hr.)
~แต่ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะเรียกสั้นๆ ว่าบีทียู Btu เป็นคำย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า British Thermal Units
~"ความหมายของ 1 บีทียู ก็คือ ปริมาณความร้อนที่เพิ่มอุณหภูมิของน้ำ 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม)
~ อุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์ (0.56 องศาเซลเซียส) ในเวลา 1 ชั่วโมง"
1 บีทียู = 1,055 จูล
~ หน่วย 12,000 บีทียู/ชั่วโมง มักจะเรียกว่า 1 ตันทำความเย็น ซึ่งจะหมายถึงว่าปริมาณความร้อนที่สามารถละลายน้ำแข็งหนัก 1 ตันให้ละลายเป็นน้ำได้หมดในเวลา 1 ชั่วโมง
~ โดยทั่วไป ในเนื้อที่ 1 ตารางฟุต ดึงความร้อนออกประมาณ 30 บีทียู
~ ดังนั้นเนื้อที่ประมาณ 2000 ตารางฟุต (185.5 ตารางเมตร)
ต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 60,000 บีทียูหรือขนาด 5 ตันทำความเย็น
อย่างไรก็ตามเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เพราะจะต้องรวมของที่อยู่ในห้อง จำนวนคน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
EmoticonEmoticon